หน้าหลัก
Home
ข้อมูลหน่วยงาน
About us
บุคลากร
Staff
การบริหารบุคคล
Personnel
ข่าวสาร
News
แผน
Planning
รายงาน
Report
ระเบียบ
Rules
บริการประชาชน
Service
 
หน้าหลัก
ITA
LPA
ประกาศจากระบบ e-GP
ประกาศจากระบบ e-GP ในเครือข่าย
องค์การบริหารส่วนตำบล ท่างาม ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้
ยอมรับ
นายฐิติพงศ์ ศักดิ์ชัยสมบูรณ์
นายกอบต.ท่างาม
" สร้างชุมชนให้เข้มแข็ง
เน้นพลังการมีส่วนร่วม"
ที่ทำการ อบต.ท่างาม
วัดกำแพงแหล่งศรัทธาประชาชน
ท่างามแหล่งรวมปูชนียสถานที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์
สถานศึกษาที่มีคุณภาพสำหรับเยาวชน
สถานีอนามัยประจำตำบลท่างาม
วิสัยทัศน์ อบต.ท่างาม
“ เป็นองค์กรส่งเสริม
การจัดสวัสดิการชุมชน
พัฒนาทักษะการทำงาน
พัฒนาคุณภาพชีวิต
พัฒนาตำบลสู่ตำบล
สุขภาวะตามวิถีพอเพียง ”
องค์การบริหารส่วนตำบลท่างาม
อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี
1
2
3
4
5
 
 
ไอแบงก์ & เอสเอ็มอีแบงก์ สัญญาณเตือนภัย "ต้มยำกุ้งรอบใหม่"
(Feb.13) วิกฤต "2 แบงก์รัฐ" ยิ่งสาย ยิ่งทรุด : ในที่สุดกระทรวงการคลังก็ต้องเข้าควบคุมกิจการของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย(ไอแบงก์) หลังจากที่ทั้งสองธนาคารมีหนี้เสียบักโกรก ถึงขั้นกองทุนติดลบกินทุนเข้าเนื้อมากขึ้นทุกวัน
สถานะของทั้งสองแบงก์ถือว่าอยู่ในขั้นโคม่า เอสเอ็มอีแบงก์มีหนี้เสียสูงถึง 3.9 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 40% ของหนี้ทั้งหมด ส่งผลให้เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (บีไอเอส) ติดลบไปแล้ว 0.95% ต้องการใช้เงินเพิ่มทุนปั๊มชีวิตอย่างน้อยถึง 6,000 ล้านบาท

ขณะที่ไอแบงก์อาการก็แย่ไม่ต่างกัน มีหนี้เสียเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดดมาอยู่ที่ 3.9 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 30% ของหนี้ทั้งหมด ทำให้เงินกองทุนบีไอเอสติดลบถึง 5% ต้องการเงินเพิ่มทุนเพื่อให้พ้นจากวิกฤตสาหัสสากรรจ์นี้ไปให้ได้ถึง 1.4 หมื่นล้านบาท

แนวโน้มของทั้งสองแบงก์ในระยะสั้นถือว่าทรงกับทรุดไม่มีทางดีขึ้น เพราะปัญหารุมเร้าหลังจากหนี้เสียโผล่ขึ้นมาจำนวนมาก ทำให้คนขาดความเชื่อมั่นในฐานะของธนาคาร ผู้ฝากเงินเริ่มตีจาก ทำให้ธนาคารขาดสภาพคล่องไม่มีเงินปล่อย * * * ้ การระดมสร้างสภาพคล่องของธนาคารในช่วงนี้ทำให้ต้องแบกต้นทุนสูงกว่าปกติ

ขณะที่การปล่อยสินเชื่อใหม่ก็ทำไม่ได้ เพราะทั้งจากเงินขาดมือ ลูกหนี้ไม่มาขอสินเชื่อ สวนทางกับหนี้เก่าที่หลุดชั้นเป็นหนี้เสียเพิ่มขึ้น ทำให้หนี้เสียของแบงก์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

สถานการณ์ที่ย่ำแย่ ทำให้กระทรวงการคลังนั่งไม่ติด เข้าควบคุมกิจการของทั้งสองแบงก์โดยการส่งทีมเจ้าหน้าที่เข้าไปประกบการทำงานของธนาคารตามแผนฟื้นฟูชนิดวันต่อวัน และให้มีการรายงานกระทรวงการคลังแบบทันทีทันใดหากแบงก์ไม่สามารถดำเนินการตามแผนฟื้นฟูที่วางไว้ได้ หรือมีปัญหาอุปสรรคทำให้ฐานะแบงก์แย่ไปกว่าเดิม

อย่างไรก็ตาม การปล่อยปัญหาหนี้เสียของทั้งสองแบงก์คาราคาซังมานาน จนกลายเป็นช้างตายสองตัวเอาใบบัวปิดไม่มิด การต้องใช้เงินภาษีถึง 2 หมื่นล้านบาท เพื่อเข้าไปอุ้ม 2 แบงก์รัฐ ที่มีหนี้เสียรวมกันถึง 8 หมื่นล้านบาท ในยามที่รัฐบาลถังแตก การอัดเงินเข้าไปช่วยเหลือเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้เลย

นอกจากนี้ คลังยังผวาว่าการเพิ่มทุนเพื่อแก้ปัญหาทั้งสองแบงก์รัฐ จะเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ใส่เงินเข้าไปก็ไปปล่อยสนองนโยบายรัฐบาลเป็นหนี้เสีย ไม่ต่างอะไรกับการเอาเงินภาษีไปแจกชาวบ้านผ่านเอสเอ็มอีแบงก์และไอแบงก์ เพราะที่ผ่านมากระทรวงการคลังก็เพิ่มทุนให้กับสองธนาคารนับรวมกันกว่า 1 หมื่นล้านบาท ก็ไม่สามารถแก้ไขหนี้เสียให้ดีขึ้น

เมื่อเป็นเช่นนั้น กระทรวงการคลังจึงต้องยอมเจ็บไม่เพิ่มทุนให้ทั้งสองแบงก์ เพื่อส่งทีมเข้าไปสางหนี้เสียของทั้งสองแห่งเป็นเวลา 6 เดือน ให้ได้ระดับหนึ่งก่อน ว่ามีการทำตามแผนฟื้นฟูและพยายามแก้ไขปัญหาจริงหรือไม่ เพื่อสกัดวัฒนธรรมขอเงินภาษีไปล้างหนี้เสีย และปล่อยหนี้ใหม่ให้เป็นหนี้เสียเพื่อจะได้ขอเงินภาษีไปล้างผิดอีกเป็นงูกินหางแก้ไม่รู้จักจบ

อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาของกระทรวงการคลัง ทำให้วิกฤตแบงก์ลามลึกและยากแก้ไข เพราะหากเทียบมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เมื่อเงินกองทุนบีไอเอสต่ำกว่า 3% ก็ต้องส่งคนเข้าไปนั่งเป็นกรรมการ มีการเปลี่ยนตัวผู้บริหารแล้ว

แต่สำหรับเอสเอ็มอีแบงก์และไอแบงก์ คลังเห็นสัญญาณหนี้เสียและเงินกองทุนติดลบมานานแล้ว แต่กลับไม่ดำเนินการอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ปล่อยให้มีการดำเนินการปกติจนถึงทุกวันนี้ทำให้การแก้ปัญหายิ่งทำยิ่งแย่ลง

ซ้ำร้าย กระทรวงการคลังเองยังออกมาส่งสัญญาณผิด แม้แต่ กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ที่ออกมาระบุว่า แบงก์รัฐเงินกองทุนติดลบไม่เสียหายไม่เป็นไร เพราะรัฐบาลดูแลผู้ฝากเงินให้หมด ขณะที่แบงก์ได้รับความเสียหายจากการปล่อย * * * ้ตามนโยบายของรัฐบาลก็จะชดเชยให้

ทัศนคติเช่นนี้นอกจากไม่ทำให้แบงก์รัฐพัฒนา ดีขึ้นแล้ว ยังนิยมบริหารแบงก์บนความเสี่ยง เพราะไม่ต้องกลัวเสียหาย เพราะมีรัฐบาลก็ควักกระเป๋าจ่ายหมกซุกความเสียหายให้อยู่ตลอดเวลา

นอกจากนี้ การเข้าควบคุมเอสเอ็มอีแบงก์และไอแบงก์ของกระทรวงการคลัง ก็เป็นไปแบบสุกๆ ดิบๆ ครึ่งๆ กลางๆ ทำให้การแก้ไขปัญหาไม่ได้ผล

ฐานะที่ย่ำแย่เช่นนี้ กระทรวงการคลังต้องใช้ความเด็ดขาดเข้าไปควบคุมกิจการทั้งหมด การยกเครื่องกรรมการหรือผู้บริหาร เพื่อส่งคนที่มีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริงเข้าไปแก้ปัญหา เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการโดยเร่งด่วน

การควบคุมแบงก์รัฐ ที่ทำเพียงแค่ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยดูการทำงานไม่มีอำนาจตัดสินใจหรือสั่งการอะไรได้ ก็เป็นแค่การสร้างละครตบตาพยายามเตะถ่วงเวลาให้แบงก์รัฐหาทางแก้ปัญหาแบบซุกหนี้เหมือนที่ผ่านมา

การให้เหตุผลว่าต้องการให้เวลาแบงก์รัฐแก้ตัวทำให้ดีขึ้นก่อน ก็ไม่มีน้ำหนัก เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นก็เป็นที่ประจักษ์อยู่แล้ว กรรมการและผู้บริหารชุดปัจจุบันล้มเหลวในการแก้ไขปัญหา

ทั้งนี้ เป็นที่รู้กันมานานว่า ปัญหาของเอสเอ็มอีแบงก์และไอแบงก์ ไม่ใช่เรื่องใหม่ ธปท.เข้าไปตรวจพบความไม่ชอบมาพากล และการลงบัญชีหนี้เสียที่ไม่สะท้อนความเป็นจริงเป็นเวลานานกว่าปีแล้ว แต่กระทรวงการคลังก็ไม่ได้ดำเนินการแก้ไขอย่างจริงจัง เพราะไม่อยากให้เข้าเนื้อตัวเอง เพราะความเสียเกิดจากการปล่อยนโยบายของรัฐบาล

นอกจากนี้ ข้อมูลการตรวจสอบของ ธปท. ยังถูกการเมืองนำไปใช้เพื่อทำลายผู้บริหารฝ่ายตรงข้าม ในกรณีของไอแบงก์ ธปท.เข้าไปตรวจเจอ คลังก็ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ แต่ผู้บริหารขณะนั้นมีความใกล้ชิดเจ๊ใหญ่เจ๊เล็กทางฝ่ายการเมือง ทำให้ผลการตรวจสอบของคลังไม่พบการทุจริต

แต่ในฟากเอสเอ็มอีแบงก์ ผลตรวจสอบของ ธปท.ถูกใช้เป็นเครื่องปลดผู้บริหารออกจากตำแหน่ง ทำให้การทำงานของแบงก์หยุดชะงักเพราะไม่มีใครกล้าทำอะไร เพราะกลัวถูกเล่นงานเข้าคุกเข้าตะราง ทำให้ฐานะของแบงก์ยิ่งวันยิ่งต่ำลงทุกวัน

การที่คลังยังปล่อยให้ทั้งสองแบงก์แก้ปัญหาแบบเอาดีใส่ตัว เอาชั่วโยนใส่คนอื่น กลายเป็นปมปัญหาทำให้แบงก์ทั้งสองแห่งทรุดหนักมากกว่านี้เข้าไปอีก เพราะตอนนี้ไอแบงก์ก็จะตั้งกรรมการสอบเอาผิดผู้บริหารชุดเก่า ขณะที่เอสเอ็มอีแบงก์ก็เตรียมฟ้องศาลเอาผิดกับผู้บริหารที่ถูกปลดไปก่อนหน้านี้ เพื่อเป็นการกลบเรื่องความเสียหายไม่ใช่มาจากนโยบายรัฐที่ผิดพลาด แต่มาจากความผิดพลาดส่วนบุคคลของผู้บริหาร

การปล่อยให้ทั้งสองแบงก์แก้ปัญหาแบบเป็นก๊กเป็นเหล่าอย่างนี้ ผลที่ตามมาทำให้แบงก์หยุดชะงักเดินหน้าไม่ได้ เพราะทุกคนจะป้องกันตัวไม่ทำอะไร เพื่อไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามเล่นงานได้ แบงก์ก็ตกอยู่ในสภาพกลายเป็นผีดิบไม่มีชีวิต ไม่มีเงินฝาก ไม่ปล่อยสินเชื่อ ไม่แก้หนี้เสีย นอนรอวันให้กระทรวงการคลังใส่เงินมาชุบชีวิต หากคลังไม่ใส่เงินก็ต้องกลายเป็นแพะรับบาป ทำให้แบงก์ล้มเพราะไม่มีทุน

การแก้วิกฤตเอสเอ็มอีแบงก์และไอแบงก์ จึงต้องตกอยู่ในวังวนของปัญหาที่เพิ่มขึ้นแบบปัญหาเก่าแก้ไม่ได้ปัญหาใหม่เข้ามาถม ยิ่งแก้ยิ่งทรุด หนี้ท่วมธนาคาร เงินกองทุนติดลบมากขึ้น

Source: Posttoday

เขียนโดย   คุณ คน เต้าข่าว
วันที่ 14 ก.พ. 2556 เวลา 07.02 น. [ IP : 125.26.121.138 ]
(Feb.14) ลูกค้าไอแบงก์ฮึ่ม โดนดองสินเชื่อ ยกพลกระทุ้ง ด้านเอสเอ็มอีแบงก์ยอมรับ โครงการรัฐมีส่วนสร้างหนี้เสีย :
รายงานข่าวจากธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) หรือไอแบงก์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 13 ก.พ.2556 กลุ่มตัวแทนลูกค้าที่รวมตัวกันราว 50 คน ซึ่งมาจากภาคใต้ หนองจอก และบางกะปิ ได้เข้ามายื่นหนังสือร้องเรียนให้นายธานินทร์ อังสุวรังสี กรรมการผู้จัดการไอแบงก์ ขอให้ช่วยปล่อยสินเชื่อให้รายย่อยมากขึ้น เพราะนับตั้งแต่นายธานินทร์เข้ามารับตำแหน่งตั้งแต่ช่วง พ.ย.2555 ก็มีนโยบายไม่ให้ปล่อยสินเชื่อ จนได้รับความเดือดร้อน โดยเฉพาะลูกค้าที่เป็นชาวมุสลิม

นางอารียา พงษ์สมบัติ ตัวแทนกลุ่มอิสลาม เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มสมาชิกว่า ธนาคารไม่ปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้ากิจการรายย่อย ทั้งที่รับการอนุมัติการ * * * ้แล้วจำนวน 1 แสนบาท โดยเจ้าหน้าที่ธนาคารอ้างว่า ต้องรอคำสั่งอนุมัติจากสำนักงานใหญ่ก่อน ทำให้ธุรกิจไม่มีเงินทุนหมุนเวียนกิจการต่อ ซึ่งสร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก

ด้านนายธานินทร์กล่าวว่า หลังจากได้รับหนังสือร้องเรียนแล้วจะดำเนินการตรวจสอบ โดยได้ขอเลขบัญชีของลูกค้ารายย่อยที่มาร้องเรียนมาดูแล้วว่ามีขั้นตอนที่ติดขัดอย่างไร

ด้านการประชุมคณะกรรมาธิการแก้ไขปัญหาหนี้สินแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายฉลาด ขามช่วง ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน ได้พิจารณาเรื่องปัญหาหนี้สินของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ธพว.) โดยได้เชิญนายชาตรี เวทสรณสุธี ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยวางแผนและงบประมาณ มาชี้แจงถึงปัญหาและแผนฟื้นฟูกิจการ

โดยนายชาตรีกล่าวว่า สินเชื่อที่เป็นหนี้เสียของธนาคาร มีทั้งในส่วนที่เป็นสินเชื่อทั่วไปและสินเชื่อโครงการ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี ส่วนการตรวจสอบการทุจริตปล่อยสินเชื่อ มีระบบตรวจสอบร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่แล้ว ถ้าพบว่ามีมูลความผิดจะดำเนินการตามกฎหมาย.

Source: Thaipost

เขียนโดย   คุณ Social News
วันที่ 14 ก.พ. 2556 เวลา 07.17 น. [ IP : 125.26.121.138 ]
(Feb.13) เอสเอ็มอีแบงก์รับโครงการรัฐมีส่วนทำหนี้เสีย : เอสเอ็มอีแบงก์ ยอมรับ โครงการรัฐมีส่วนสร้างหนี้เสีย ผนวกสารพัดวิกฤต "เศรษฐกิจ-ภัยพิบัติ" ซ้ำเติมปัญหา

การประชุมคณะกรรมาธิการแก้ไขปัญหาหนี้สินแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน ได้พิจารณาเรื่อง ปัญหาหนี้สินของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ธพว.) หรือเอสเอ็มอีแบงก์ โดยได้เชิญนายชาตรี เวทสรณสุธี ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยวางแผนและงบประมาณ มาชี้แจงถึงปัญหาและแผนฟื้นฟูกิจการ

นายชาตรี กล่าวว่า สาเหตุปัญหามาจากลูกหนี้ของ ธพว. ที่เป็นผู้ประกอบการธุรกิจในรอบ 5-7 ปีที่ผ่านมา ต้องเจอกับปัญหาหลายด้าน ทั้งปัญหาเศรษฐกิจและภัยพิบัติ ทำให้พอเมื่อเริ่มจะมีความสามารถในการชำระหนี้ได้ก็ต้องมาเจอกับปัญหาซ้ำเข้าไปอีก จึงกระทบต่อสภาพคล่องและไม่สามารถชำระหนี้กับธนาคารได้ตามกำหนดจนกลายเป็นหนี้เสีย

"สินเชื่อที่เป็นหนี้เสียของธนาคาร มีทั้งในส่วนที่เป็นสินเชื่อทั่วไปและสินเชื่อโครงการซึ่งเป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี โดยใน 4-5 ปีที่ผ่านมา สินเชื่อโครงการของธนาคารเพิ่มขึ้นมากเพื่อเข้ามาแก้ไขปัญหาให้กับประเทศ เช่นเมื่อครั้งประเทศเกิดเหตุการณ์โรคไข้หวัดนกระบาดทางธนาคารก็เข้าไปช่วยให้เกษตรได้รับสินเชื่อเพื่อไปปรับปรุงฟาร์มให้มีมาตรฐาน เช่นเดียวกับเหตุการณ์น้ำท่วม ปรากฏว่าก็มีทั้งในรายที่สามารถชำระหนี้ได้และชำระหนี้ไม่ได้ เป็นต้น ทำให้เราต้องคอยประคบประหงมกันต่อไปเรื่อยๆ" นายชาตรี กล่าว

นายชาตรี กล่าวว่า ส่วนเรื่องการตรวจสอบการทุจริตปล่อยสินเชื่อทางธนาคารได้มีระบบตรวจสอบร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่แล้วโดยถ้าพบว่ามีมูลความผิดก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

Source: Posttoday

เขียนโดย   คุณ Social News
วันที่ 14 ก.พ. 2556 เวลา 07.18 น. [ IP : 125.26.121.138 ]


เขียนโดย   คุณ Social News
วันที่ 22 ก.พ. 2556 เวลา 18.03 น. [ IP : 125.26.114.36 ]


เขียนโดย   คุณ Social News
วันที่ 25 ก.พ. 2556 เวลา 12.49 น. [ IP : 125.26.127.138 ]
เพลินเพลงโดนใจ "บ่องต่ง"
ที่ลิงค์
http://www.facebook.com/photo.php?v=4612495441103&set=vb.1554044990&type=2&theater
"รถไฟความเลวสูง"
ที่ลิงค์
http://www.facebook.com/photo.php?v=4629128376916&set=vb.1554044990&type=2&theater

เขียนโดย   คุณ Social News
วันที่ 30 มี.ค. 2556 เวลา 16.33 น. [ IP : 125.26.121.197 ]
     
: รายละเอียด  
 
: แนบไฟล์   เลือกไฟล์ 
 
: ชื่อผู้เขียน  
 
 
 
(1)    
 
 
 
รับเรื่องราวร้องเรียน
โทร : 092-392-1119